Den kristne påskefortellingen // เรื่องเล่าเทศกาลอีสเตอร์ของคริสต์ศาสนา

Denne teksten finnes på flere språk. Tanken er at teksten skal være et supplement til andre læremidler og andre aktiviteter i opplæringen. Det er altså ikke meningen at disse ressursene skal stå alene, men at de kan brukes i innledning til arbeid med temaet.

Teksten kan, for eksempel, brukes sammen med tospråklig lærer for å aktivere elevenes kunnskaper om temaet, og å bidra til at eleven lærer fagspråk.

เมื่อพระเยซูเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ท่านได้เดินทางไปทุกหนทุกแห่งกับลูกศิษย์ 12 ท่าน ได้เล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับกับพระเจ้าให้ผู้คนที่ได้พบปะฟัง พระเยซูเป็นคนใจดี มีเมตตาชอบช่วยเหลือคนยากจนและคนป่วย
พระองค์มีสาวกมากมาย แต่ก็มีคนบางคนที่ไม่ชอบท่านด้วย ท่านเจ้าเมืองต่างๆที่ไม่ชอบให้คนนับถือเชื่อฟังพระเยซูมากกว่าพวกเขา พวกเขากลัวว่า พระเยซูจะมีอำนาจมากเกินไป

วันอาทิตย์ใบลาน

et maleri av jesus som ris på et esel. Personer riundt ser på han og har palmeblader i hendene

ในวันอาทิตย์ วันหนึ่ง ก่อนวันอีสเตอร์ พระเยซูและลูกศิษย์ของพระองค์ ได้เดินทางไปยังเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์

พระองค์ได้ขอให้ลูกศิษย์สองคนช่วยหาลามาให้ท่าน ๑ ตัว เพื่อให้ท่านขี่เข้าไปในเมืองเยรูซาเล็ม  ที่นั่นพระองค์ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีราวกับว่าท่านเป็นพระราชา

”โฮซันนา โฮซันนา ( โฮซันนาคืนการร้อง ไชโย  ไชโย ) พระราชาของเรามาแล้ว ” พวกเขาโบกใบลานขนาดใหญ่ราวกับธง»

วันพฤหัสบดีที่ศักดิ์สิทธ์ พิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ได้เกิดขึ้น

Et bilde av jesus som vasker føttene til sine desipler.

ในคืนนี้พระเยซูและลูกศิษย์ของท่าน ร่วมกันรับประทานอาหารในเทศกาลอีสเตอร์ ตอนนั้นเป็นรื่องปกติที่จะล้างเท้าก่อนเดินเข้าข้างใน เพราะในสมัยนั้นการเดินด้วยเท้าเปล่า หรือ ใส่รองเท้าแตะสานนั้น เท้าจะยังไม่สะอาดพอ  พระเยซูจึงอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า คอยล้างเท้าให้กับลูกศิษย์ของท่าน เพื่อแสดงให้เห็นว่า ทุกคนต้องช่วยเหลือกัน

Fotografi av Leonardo da Vincis verk Jesu siste måltid laget som mosaikkkunst

ขณะที่นั่งรับประทานอาหารพร้อมเพียงกัน พระเยซูได้พูดว่า ” จากนี้อีกไม่นานตัวท่านเองจะถูกจับเป็นเชลย และจะถูกประหารชีวิต” และยังพูดอีกว่า ท่านรู้ว่ามีลูกศิษย์ในกลุ่มนี้หนึ่งคน ที่ช่วยเหลือทหารให้มาจับกุมตัวท่าน 

Et foto av en altertavle i en kirke som viser Judas kysse Jesus på Skjærtorsdag

โยดัสเป็นหนึ่งในคณะลูกศิษย์ของพระเยซู เขาคาดหวังว่าพระเยซูจะเป็นพระราชาที่มีอำนาจผู้ยิ่งใหญ่ มีเงินทองมากมาย เมื่อโยดัสรู้ว่าพระเยซูไม่สนใจเรื่องเงินหรือเรื่องอำนาจใดๆ เขาจึงผิดหวังและไม่พอใจ

คืนนั้นหลังจากได้รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว พระเยซูได้นำลูกศิษย์ของท่าน ไปในสวน เพื่อสวดมนต์บูชาพระเจ้า  โยดัสได้นำพวกทหารเข้าไปในสวนและได้ชี้ตัวพระเยซู ว่าท่านอยู่ที่ไหน โยดัสได้ 30 เหรียญเงินเป็นค่าจ้างตอบแทน พระเยซูรู้อยู่แล้วว่าโยดัสจะทำการแบบนี้ ท่านจึงได้เดินตามทหารไปอย่างไม่ขัดขวาง

วันศุกร์ที่ยาวนาน –สอบสวน พิพากษา ตรึงไม้กางเขน และการฝังศพ

พระเยซูรู้ตัวว่าจะต้องตาย พระเจ้าได้กำหนดไว้ล่วงหน้า สิ่งนี้พระเยซูรู้อยู่แล้วตั้งแต่ตอนท่านประสูตร พระองค์เกิดมาบนโลกเพื่อไถ่บาปแทนมนุษย์ทั้งหลายที่ได้กระทำความผิด และที่คิดจะทำ  และเมื่อถึงเวลา พวกทหารได้พาพระเยซูเข้าไปพบเจ้าเมืองของตน พวกเขาไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า เขาพูดว่า ” พระองค์ต้องตาย เพราะการอวดอ้างว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า ”  พวกเขาเอาตะปูตอกพระเยซูกับไม้กางเขน บนถนนที่ชื่อว่า กูล (Golgata) ที่นี่พระองค์ก็สิ้นพระชนม์

Et maleri av tre personer på tre kors.  jesus på korset. maleri av mennesker som er samlet rundt.

เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะทำการลงโทษผู้กระทำผิดกฎเช่นนี้

”วันนั้นเป็นวันแห่งความเศร้าโศกของบรรดาลูกศิษย์ มิตรสหาย ของพระองค์ พวกเขาไม่รู้ว่าพระเจ้าได้เตรียมสิ่งอัศจรรย์ไว้ให้ เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเศร้าโศกเสียใจอีกต่อไป”

ค่ำคืนวันอีสเตอร์ – สุสานที่ถูกเฝ้าอย่างแน่นหนา

En grafisk fremstilling av jesus grav

หลังจากพระเยซู สิ้นพระชนม์ เพื่อนๆ ของพระองค์ได้วางร่างของพระองค์ไว้ในถ้ำหินที่ได้มาจาก ชายคนหนึ่งที่ชื่อ โจเซฟ เขาต้องการให้บุตรของพระเจ้าได้สิ่งนี้เป็นของขวัญครั้งสุดท้ายจากเขา

พวกเขากลิ้งเอาหินขนาดใหญ่ปิดไว้ที่หน้าถ้ำ  เจ้าเมืองได้ส่งทหารสองคนมาคอยเฝ้าระวังหน้าถ้ำของพระศพ ป้องกันคนมาเอาร่างของพระเยซูไป

วันอีสเตอร์วันแรก

ช่วงเช้าวันอาทิตย์ได้เกิดแผ่นดินไหว มีนางฟ้าลงมาจากสวรรค์ และได้กลิ้งหินที่ปิดหน้าถ้ำออกไป  เมื่อพวกทหารยามมองเห็นนางฟ้าก็พากันหวาดกลัวจนตัวสั่นและวิ่งหนีไป

จากนั้นไม่นาน Maria Magdalena ผู้หญิงที่นับถือพระเยซูได้มาถึงหน้าถ้ำ เธอได้เห็นว่าหินที่ปิดหน้าถ้ำหายไป เธอจึงเดินเข้าไปในถ้ำ ก็พบกับนางฟ้าที่บอกกับเธอว่า ” พระเยซูไม่ได้อยู่ที่นี่ พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ ให้ไปบอกกับทุก ๆ คน ที่นับถือพระองค์ ให้มาพบท่านได้อีกครั้ง”  Maria ดีใจมาก พระเยซุไม่ได้สิ้นพระชนม์ พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ เธอวิ่งไปป่าวประกาศข่าวดีนี้ให้กับคนอื่น ๆ

En tegning av engelen Gabriel som forteller kvinnene ved graven til Jesus at graven er tom

วันอีสเตอร์วันที่ 2

ในตอนแรกไม่มีลูกศิษย์ของพระเยซูคนใด เชื่อในคำพูดของ มาเรีย แต่มาเรียพูดถูก พระเยซูได้คืนพระชนม์ชีพมา เพื่อพบปะกับลูกศิษย์ของพระองค์อีกครั้ง พระองค์ได้คืนชีพมาจริงๆ

วันขึ้นสวรรค์ของพระเยซู

หลังจากนั้น  40 วัน พระเยซูได้พาลูกศิษย์ของท่าน ไปยังที่แห่งหนึ่งใกล้ภูเขาใหญ่  พระเยซูได้ยกมือขึ้นและให้พรแก่พวก แล้วกล่าวว่า ”จงเล่าเรื่องของฉันให้กับทุกๆคนได้ฟัง” แล้วพระองค์ก็เสด็จกลับสู่สวรรค์

วันนี้ เราเรียกว่า  Kristi himmelfartsdag (วันที่พระเยซูขึ้นสู่สวรรค์) กลุ่มเมฆได้ปิดบังพระองค์จนไม่สามารถมองเห็นท่านได้ พวกเขายืนจ้องท้องฟ้าอยู่เป็นเวลานาน  

ทันใดนั้น มีนางฟ้าสององค์ปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางพวกเขา แล้วถามว่า  ” ทำไมพวกเธอจึงยังยืนอยู่่และมองขึ้นบนท้องฟ้า”

”พระเยซูได้ไปอยู่บนสรวงสวรรค์ วันหนึ่งท่านจะกลับมา ในหนทางเดียวกันกับที่ท่านจากไป”

พวกลูกศิษย์ของพระเยซูกลับไปในเมืองด้วยความสุขเต็มหัวใจ พระเยซูได้สั่งสอนพวกเขามากมาย พวกเขาจะจำคำของพระองค์ท่านไว้เสมอว่า  พวกเขาจะจดจำคำสอนที่ว่า อย่าวิตกกังวล หรือหวาดกลัว  เชื่อถือในพระเจ้า จงเชื่อถือฉัน ในนามของพระเจ้า บ้านของพระเจ้ามีหลายห้อง ฉันจะเตรียมห้องเหล่านั้นไว้ให้เธอ สักวันหนึงฉันจะกลับมารับเธอไปกับฉัน ไปอยู่ในที่ที่เดียวกันกับฉัน

Et maleri som viser Jesus snakke til displene

Illustrajoner fra Adobe Stock